วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

se presenter

Bonjour
Je m'appelle KAMONLAK SINKLAD
J'ai 17 ans
J'habites  à Cha-Am
Je suis lycéen à l'école Wangklaikangwonn
Je suis thaie
Je parle thai,anlais et français
J'aime mes parents et mes copains
J'aime la musique et du Français
Mais je n'aime pas le Math
Et vous ...?

วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Antoine de Saint-Exupéry [Le Petit Prince]


Antoine de Saint-Exupéry


แซงเตกซูเปรี เกิดที่เมืองลียอง เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๔๓ เป็นคนที่มีนิสัยชอบเล่นมาแต่เยาว์วัย อายุมากเขาก็ยังชอบเล่นอยู่ เขามักหวนระลึกถึงเวลาอันสนุกสนานในวัยเด็ก ๆเสมอ โดยเฉพาะมารดาผู้อ่อนหวานซึ่งได้เลี้ยงดูอบรมเขามาโดยตลอด เพราะบิดาถึงแก่กรรมเมื่อเขาอายุได้เพียง ๔ ขวบ หลังจากนั้นเขาได้เข้าเรียนในโรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง ในระยะแรกเขาไม่สู้ชอบใจนัก ดังที่เคยเขียนในหนังสือเล่มหนึ่งว่า
              เขาแกล้งทำเป็นไม่สบายเพื่อไม่ต้องเข้าชั้นเรียนเมื่อได้ยินเสียงระฆังตีเวลาเข้าเรียน ส่วนเวลาพักออกมาเล่นและเวลารับประทานอาหาร เสียงระฆังนั้นฟังดูมีชีสวิตชีวาและมีความหมายสำหรับเด็กนักเรียนคนอื่น ๆ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็เลิกทำเป็นไม่สบายอีก เพราะเขารู้สึกเหมือนตนเองถูกลงโทษ ถูกทอดทิ้งไม่มีใครเหลียวแล ต้องกินยาขม นอนอยู่บนเตียงชุ่มด้วยเหงื่อ วันเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหมือนไม่มีโมงยาม

              เมื่อสอบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายได้แล้ว เขาตั้งใจเรียนต่อเตรียมทหารเรือที่โรงเรียนแซงต์หลุยส์ในกรุงปารีส แต่สอบเข้าไม่ได้เพราะไม่ยอมทำเรียงความเรื่อง “ความรู้สึกของทหารที่กลับจากสงคราม” เขาบอกว่าเขาไม่สามารถบรรยายความรู้สึกซึ่งเขาไม่เคยประสบนั้นได้ เขาจึงไปรับราชการทหารเป็นนักบินอยู่ที่เมืองสตาร์บูร์คและฝึกหัดบินจนได้รับใบอนุญาตเป็นนักบินอาชีพ เริ่มทำงานที่เมืองตูลูส เป็นนักบินประจำเส้นทางสาย ตูลูส-คาซาบลังกา แล้วต่อมาถูกส่งไปเป็นหัวหน้าหน่วยประจำสถานีที่กางจูบีในแอฟริกา
              ณ ที่นี้เอง แซงเตกซูเปรี ได้ตระหนักว่า อาณาจักรของมนุษย์เรานี้อยู่ในใจของเราแต่ละคนนั่นเอง ทั้งนี้เนื่องจากเขามีชีวิตอยู่ในวงสังคมที่จำกัด มีเพียงเพื่อนนักบินด้วยกันไม่กี่คน ซึ่งนาน ๆ จะบินผ่านมาและมีผู้บังคับการป้อมที่มาเยี่ยมเยียนเป็นครั้งคราว นอกจากนั้นก็มีแต่ทะเลทรายสุดลูกหูลูกตา งานของเขามีหน้าที่ส่งวิทยุติดต่อกับศูนย์หน่วยงาน คอยให้อาณัติสัญญาณนักบิน จัดถุงพัสดุไปรษณีย์ และหน้าที่ที่สำคัญที่สุดคือคอยช่วยเหลือออกค้นหานักบินที่ประสบอุบัติเหตุซึ่งมีเป็นประจำทุกเดือน เพราะสมัยนั้นเป็นสมัยเริ่มบุกเบิกทางด้านการบิน ซึ่งทั้งนี้เขาต้องเป็นทั้งช่างซ่อมเครื่องบินและแพทย์ไปในขณะเดียวกันด้วย จากประสบการณ์เหล่านี้ เขาได้นำมาเขียนเป็นนวนิยายเรื่องแรกของเขา คือ เรื่อง Courrier Sud พิมพ์ในปี พ.ศ.๒๔๗๐

              หลังจากการไปฝึกฝนเพิ่มเติม เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการบริษัทขนส่งทางอากาศบริษัทหนึ่งที่กรุงบัวโนสไอเรสในอเมริกาใต้ ในปี พ.ศ.๒๔๗๓ เขาได้รับอิสริยาภรณ์ เลซียอง ตอนเนอร์ ในฐานะนักบินพลเรือนที่ปฏิบัติได้ผลดีที่กางจูบี
              ต่อมาเมื่อมีการเปิดสายการบินเพิ่มถึงอเมริกาใต้ ทำให้นักบินจำต้องเสี่ยงชีวิตปฏิบัติการในตอนกลางคืนด้วย เพื่อแข่งขันกับการขนส่งทางเรือ เละเพื่อผลประโยชน์ต่อส่วนรวม นวนิยายเรื่องใหม่ของเขาจึงได้ชื่อว่า “บินกลางคืน” (Vol de Nuit) เรื่องนี้ได้รับรางวัล Grix F?mina ประจำปี พ.ศ.๒๔๗๔

              ต่อมาเขาได้แต่งงานกับแม่หม้ายชาวอเมริกาใต้ชื่อ Consuelo Suncin แล้วกลับมาเป็นนักบินขับเครื่องบินสะเทินน้ำสะเทินบกระหว่างเมือง มาร์แซย และอัลเช และประสบอุบัติเหตุครั้งหนึ่งเนื่องจากปีกเครื่องบินหัก เขาจึงหันไปสนใจการถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาให้แก่บริษัท Air France ต่อมาไปเป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ Paris Soir ประจำกรุงมอสโก แล้วย้ายไปเป็นผู้สื่อข่าวสงครามกลางเมืองสเปนที่กรุงมาดริด

               ในปี พ.ศ.๒๔๗๘ เขาทดลองบินรวดเดียวจากปารีสถึงไซ่ง่อนเป็นระยะทางถึง ๑๒,๐๐๐ กม. เพื่อทำลายสถิติ แต่เครื่องบินขัดข้องต้องร่อนลงกลางทะเลทรายห่างจากกรุงไคโรประมาณ ๒๐๐ กม. เขาต้องเดินฝ่าทะเลทรายอยู่ห้าวันจึงพบกับกองคาราวาน
              เมื่อเขาทราบข่าวว่ามีการเปิดเส้นทางบินไปสหรัฐอเมริกา แซงเตกซูเปรี ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าร่วมบุกเบิกสายกานบินใหม่นี้ด้วย ครั้งหนึ่งเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุขณะร่อนลงที่กรุงนิวยอร์ก เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องพักรักษาตัวอยู่นาน อันเป็นโอกาสให้เขาเขียนเรื่อง Terre des Hommes ได้สำเร็จในปี พ.ศ.๒๔๘๒ และได้รับรางวัล Grand Prix du Roman จากราชบัณฑิตยสภาฝรั่งเศส เรื่องนี้มีชื่อเสียงแพร่หลายมากในสหรัฐอเมริกา และได้รับเลือกเป็นหนังสือประจำเดือนมีชื่อในภาคภาษาอังกฤษว่า Wind, Sand and Stars

              เมื่อเกิดสงครามขึ้น แซงเตกซูเปรี ถูกเกณฑ์ให้เป็นผู้สอนเทคนิคการบิน แต่เขาอยากออกบินเองทั้ง ๆ ที่นายแพทย์ห้าม เขาได้วิ่งเต้นจนได้เข้าร่วมหน่วยบินลาดตระเวนหมู่ ๒/๓๓ ซึ่งเขาได้เขียนประสบการณ์ระยะนี้ไว้ในเรื่อง Gilote de Guerre เรื่องนี้พิมพ์ในสหรัฐฯ เพราะขณะนั้นฝรั่งเศสถูกยึดครอง แซงเตกซูเปรี ได้ช่วยทำงานในหน่วยต่อต้านที่สหรัฐฯด้วย เขาได้พูดวิทยุเรียกร้องให้ชาวฝรั่งเศสสามัคคีกัน ทั้งยังได้เขียนหนังสือปลุกใจชื่อ Lettre â un Otage ในเดือนเมษายน ปี พ.ศ.๒๔๘๖ นั้นเอง Le Petit Prince ก็ได้ถูกตีพิมพ์ขึ้นอีกเรื่องหนึ่งในสหรัฐฯ

              เมื่ออายุมากขึ้น โอกาสที่จะเป็นนักบินก็น้อยลง แต่เขาก็พยายามวิ่งเต้นจนได้ไปร่วมหน่วยลาดตระเวนหมู่ ๒/๓๓ อีก และใช้เวลาว่างเขียนเรื่อง Citadelle ทั้งนี้เพราะเขาได้รับอนุญาตให้บินจำกัดเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เขาก็พยายามขอออกบินอยู่เสมอ ๆ จนกระทั่งเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๘๘ เขาได้ออกบินลาดตระเวนเหนือดินแดนฝรั่งเศสแถบเมืองเกรอนอง เขาออกบินแต่เช้าจนบ่ายก็ยังไม่กลับ ทุกคนตระหนักดีว่าในเวลานั้นน้ำมันต้องหมดแล้ว จึงสรุปว่าเครื่องบินของเขาคงต้องประสบอุบัติเหตุ หรือไม่ก็ถูกเครื่องบินขับไล่ของเยอรมันยิงตก

              แซงเตกซูเปรี เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติงานต่อต้านเพื่ออิสรภาพของฝรั่งเศส เป็นการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศ จึงสมควรได้รับยกย่องเป็นวีรบุรุษโดยแท้


ผลงานของ แซงเตกซูเปรี
  • 1929 - Courrier sud (ไปรษณีย์ใต้)
  • 1931 - Vol de nuit (เที่ยวบินกลางคืน)
  • 1939 - Terre des Hommes (แผ่นดินของเรา)
  • 1942- Pilote de Guerre
  • 1943 – Le Petit Prince (เจ้าชายน้อย)
  • 1943 - Lettre à un Otage
  • 1948 - Citadelle

    โดยผลงานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือเรื่อง 'เจ้าชายน้อย' 
    เจ้าชายน้อยถือได้ว่าเป็นหนังสือขายดีติดอันดับโลก นวนิยายชุดนี้ได้รับการจัดแปลกว่า 190 ภาษาและมียอดจำหน่ายกว่า 80 ล้านเล่มทั่วโลก แรกเริ่มเดิมที แซงแตกซูเปรี ผู้ประพันธ์ มีจุดประสงค์เขียนเพื่อเสียดสีสังคมเท่านั้น ทว่าเนื้อหาที่มีแง่คิดดี ๆ เหล่านี้ได้ถูกนักวิจัยจัดให้งานเขียนชิ้นนี้อยู่ในกลุ่มของวรรณกรรมเยาวชนแทนในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังมีข้อคิดสอดแทรกดี ๆ ที่คล้ายคลึงกับหลักพุทธธรรมด้วยเช่นกัน เช่น หลักอนิจจัง